ติดเทอร์โบให้เว็บ! วิธีเชื่อม Gemini API กับ WordPress สร้างคอนเทนต์อัจฉริยะใน 5 นาที

ในยุคที่ “คอนเทนต์คือราชา” (Content is King) การมีผู้ช่วยเขียนบทความ, คิดหัวข้อ, หรือแม้แต่ช่วยตอบคำถามบนเว็บไซต์ของคุณตลอด 24 ชั่วโมง คือความฝันของคนทำเว็บทุกคน และวันนี้ ฝันนั้นเป็นจริงได้ง่ายกว่าที่คิด ด้วยการผนึกกำลังระหว่าง WordPress (ระบบจัดการเว็บที่ทรงพลังที่สุด) และ Gemini API (โมเดล AI ที่ฉลาดล้ำจาก Google)

ลืมการ Copy-Paste บทความจากหน้าแชท AI ไปลง WordPress แบบเดิมๆ ไปได้เลย บทความนี้จะแสดงวิธี “ฝัง” สมองของ Gemini API เข้าไปในเว็บไซต์ของคุณโดยตรง!


🤔 ทำไมต้องเชื่อม Gemini API กับ WordPress?

  • สร้างคอนเทนต์อัตโนมัติ: สั่งให้ Gemini เขียนร่างบทความ, คิดหัวข้อบล็อก, หรือเขียนสรุปบทความ ลงในหน้า Editor ของคุณได้ทันที
  • สร้าง Chatbot อัจฉริยะ: สร้างบอทผู้ช่วยที่ตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยใช้ความสามารถในการให้เหตุผลของ Gemini
  • แปลภาษาและเกลาสำนวน: ให้ AI ช่วยตรวจทานและแก้ไขบทความของคุณก่อนเผยแพร่
  • ประหยัดเวลา: ลดเวลาการทำงานซ้ำซาก และเพิ่มเวลาให้กับงานสร้างสรรค์

⚠️ สิ่งที่คุณต้องมีก่อนเริ่ม

  1. เว็บไซต์ WordPress: (แน่นอน!) คุณต้องมีสิทธิ์ในการติดตั้งปลั๊กอิน (Administrator)
  2. Gemini API Key: นี่คือ “กุญแจ” สำคัญที่สุด
    • วิธีรับ: ไปที่ Google AI Studio (ค้นหา Google AI Studio บน Google)
    • ล็อกอินด้วยบัญชี Google ของคุณ
    • คลิก “Get API Key” และสร้างคีย์ใหม่
    • สำคัญมาก: คัดลอกและเก็บ API Key นี้ไว้ในที่ปลอดภัย ห้ามบอกใคร!

🌟 วิธีที่ 1: ง่ายที่สุดสำหรับทุกคน (ใช้ปลั๊กอิน)

นี่คือวิธีที่แนะนำสำหรับผู้ใช้ 90% เพราะ ปลอดภัย, ง่าย, และไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว เราจะใช้ปลั๊กอินยอดนิยมที่รองรับ AI หลายค่าย

ปลั๊กอินที่แนะนำ: AI Engine (หรือปลั๊กอิน AI อื่นๆ ที่รองรับ Google Gemini)

ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งปลั๊กอิน

  1. ไปที่หน้า Plugins (ปลั๊กอิน) > Add New (เพิ่มปลั๊กอินใหม่)
  2. ค้นหาคำว่า “AI Engine”
  3. คลิก Install Now (ติดตั้งเดี๋ยวนี้) และ Activate (เปิดใช้งาน)

ขั้นตอนที่ S 2: ตั้งค่า API Key

  1. ไปที่เมนู “Meow Apps” (รูปแมว) ในแถบเมนูด้านซ้าย > คลิก “AI Engine”
  2. ไปที่แท็บ “Settings” (ตั้งค่า)
  3. มองหาแท็บ “AI Models” หรือ “Google”
  4. เลือก “Google (Gemini)”
  5. นำ Gemini API Key ที่คุณคัดลอกไว้ มาวางในช่อง “API Key”
  6. เลือกโมเดล (เช่น gemini-1.5-pro-latest หรือ gemini-1.5-flash-latest)
  7. กด Save Changes

ขั้นตอนที่ 3: เริ่มใช้งาน!

หลังจากบันทึกค่า คุณสามารถ:

  • สร้างคอนเทนต์: ไปที่ Tools (เครื่องมือ) > Content Generator ใน AI Engine แล้วเริ่มสั่งงาน Gemini ได้เลย
  • Chatbot: ตั้งค่า Chatbot ให้ใช้ Gemini เป็นสมองกลในการตอบคำถามหน้าเว็บ
  • ในหน้าเขียนบทความ (Editor): จะมีไอคอน AI Engine ปรากฏขึ้นมา ให้คุณสั่งงาน AI เพื่อช่วยเขียนหรือสรุปเนื้อหาได้ทันที

🐍 วิธีที่ 2: สำหรับขั้นสูง (เขียนโค้ดเองผ่าน functions.php)

คำเตือน: วิธีนี้สำหรับผู้ใช้ขั้นสูงที่เข้าใจ PHP และรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ การแก้ไขไฟล์ functions.php ผิดพลาดอาจทำให้เว็บล่มได้ (แนะนำให้ทำใน Child Theme)

วิธีนี้คือการสร้าง Shortcode ของคุณเอง เพื่อเรียกใช้ Gemini API ได้จากทุกที่ในเว็บ

ขั้นตอนที่ 1: ซ่อน API Key ใน wp-config.php (เพื่อความปลอดภัย)

เปิดไฟล์ wp-config.php (ที่อยู่เดียวกับ wp-content) แล้วเพิ่มบรรทัดนี้ลงไปก่อน /* That's all, stop editing! */:

PHP

define('MY_GEMINI_API_KEY', 'PASTE_YOUR_API_KEY_HERE');

ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มโค้ดใน functions.php

ไปที่ Appearance (รูปแบบเว็บ) > Theme File Editor (แก้ไขไฟล์ธีม) > เลือก functions.php แล้วเพิ่มโค้ดนี้ต่อท้ายไฟล์:

PHP

function call_gemini_api( $prompt_text ) {
    
    // ดึง API Key ที่ซ่อนไว้
    if ( !defined('MY_GEMINI_API_KEY') ) {
        return "Error: API Key is not defined.";
    }
    $api_key = MY_GEMINI_API_KEY;
    
    // URL Endpoint ของ Gemini 1.5 Flash (หรือรุ่นอื่นที่ต้องการ)
    $api_url = 'https://generativelanguage.googleapis.com/v1beta/models/gemini-1.5-flash-latest:generateContent?key=' . $api_key;
    
    // ข้อมูลที่จะส่ง (Payload)
    $body_data = [
        'contents' => [
            [
                'parts' => [
                    ['text' => $prompt_text]
                ]
            ]
        ]
    ];
    
    // ใช้ WordPress HTTP API เพื่อส่งคำขอ
    $response = wp_remote_post( $api_url, [
        'method'    => 'POST',
        'headers'   => ['Content-Type' => 'application/json'],
        'body'      => json_encode($body_data),
        'timeout'   => 30 // รอ 30 วินาที
    ]);
    
    // ตรวจสอบว่าสำเร็จหรือไม่
    if ( is_wp_error($response) ) {
        return "Error: " . $response->get_error_message();
    }
    
    // ดึงผลลัพธ์
    $response_body = wp_remote_retrieve_body($response);
    $data = json_decode($response_body, true);
    
    // คืนค่าข้อความที่ AI สร้าง
    if ( isset($data['candidates'][0]['content']['parts'][0]['text']) ) {
        return $data['candidates'][0]['content']['parts'][0]['text'];
    } else {
        // คืนค่า Error ถ้า Gemini ไม่ตอบกลับ
        return "Error: " . $response_body;
    }
}

// สร้าง Shortcode ชื่อ [gemini]
function gemini_shortcode_handler( $atts ) {
    // ดึง "prompt" จาก shortcode
    $a = shortcode_atts( [
        'prompt' => 'Hello, world!' // ค่าเริ่มต้น
    ], $atts );
    
    $prompt = sanitize_text_field( $a['prompt'] );
    
    // เรียกใช้ฟังก์ชัน API และคืนค่าผลลัพธ์
    return call_gemini_api( $prompt );
}
add_shortcode( 'gemini', 'gemini_shortcode_handler' );

ขั้นตอนที่ 3: วิธีใช้งาน Shortcode

ตอนนี้คุณสามารถเรียกใช้ Gemini จากหน้าเขียนบทความ (Post Editor) ได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์ Shortcode นี้:

[gemini prompt="ช่วยเขียนบทกลอนสั้นๆ เกี่ยวกับ WordPress"]

เมื่อคุณกดเผยแพร่บทความ ส่วนนี้จะถูกแทนที่ด้วยคำตอบจาก Gemini ทันที!


บทสรุป

การเชื่อม Gemini API เข้ากับ WordPress คือการ “อัปเกรด” เว็บไซต์ของคุณจากระบบจัดการเนื้อหาธรรมดา ให้กลายเป็น “แพลตฟอร์มสร้างสรรค์อัจฉริยะ”

  • สำหรับมือใหม่: เริ่มต้นด้วยปลั๊กอิน AI Engine คือวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด
  • สำหรับนักพัฒนา: การสร้าง Shortcode เอง เปิดโอกาสให้คุณปรับแต่งการทำงานได้ลึกซึ้งอย่างไม่จำกัด

ยินดีต้อนรับสู่ยุคใหม่ของ WordPress ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ค่ะ!

Scroll to Top