ไฟเขียวทุกบทความ! คู่มือพิชิต SEO ด้วย Rank Math และ Yoast SEO ปลั๊กอินคู่ใจ WordPress

การทำให้เว็บไซต์ WordPress ของคุณติดอันดับบน Google ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อมีปลั๊กอิน SEO ที่ทรงพลังเข้ามาช่วย ทั้ง Yoast SEO และ Rank Math ต่างเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชส่วนตัว คอยแนะนำให้คุณปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้ถูกใจ Google มากที่สุด บทความนี้จะสรุปวิธีการใช้ปลั๊กอินยอดนิยมทั้งสองนี้ เพื่อให้คุณได้ “ไฟเขียว” และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

Yoast SEO: ผู้บุกเบิก SEO ที่เน้นความง่ายและ Readability

Yoast SEO เป็นปลั๊กอินที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน มีจุดเด่นคือความเรียบง่ายและเน้นการวิเคราะห์เนื้อหาที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น

1. การวิเคราะห์ SEO On-Page ขั้นพื้นฐาน

เมื่อคุณสร้างหรือแก้ไขบทความใน WordPress ให้เลื่อนไปที่กล่อง Yoast SEO ด้านล่าง (หรือ Sidebar):

  • Focus Keyphrase (คีย์เวิร์ดหลัก): ใส่คีย์เวิร์ดที่คุณต้องการให้บทความติดอันดับ (เวอร์ชันฟรีรองรับ 1 คีย์เวิร์ด) ระบบจะแจ้งเตือนว่าคุณใช้คีย์เวิร์ดนี้เหมาะสมหรือไม่
  • SEO Analysis (การวิเคราะห์ SEO): Yoast จะแสดงผลเป็นสัญญาณไฟจราจร (เขียว, ส้ม, แดง) พร้อมข้อเสนอแนะที่ชัดเจน เช่น
    • “Keyphrase in title”: คีย์เวิร์ดหลักอยู่ในชื่อเรื่องหรือไม่?
    • “Keyphrase density”: ปริมาณคีย์เวิร์ดในเนื้อหาเหมาะสมหรือไม่?
    • “Internal/External links”: คุณมีการเชื่อมโยงลิงก์ภายในและภายนอกหรือไม่?
  • Readability Analysis (การวิเคราะห์การอ่าน): นี่คือจุดแข็งของ Yoast ที่จะช่วยให้เนื้อหาของคุณอ่านง่ายขึ้น โดยจะแนะนำให้คุณใช้ประโยคสั้นลง, ใช้หัวข้อย่อย (Subheadings) และย่อหน้าอย่างเหมาะสม

2. การปรับแต่ง Snippet (สิ่งที่แสดงบน Google)

  • SEO Title (ชื่อเรื่อง): เขียนชื่อเรื่องที่ดึงดูดใจและใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไป
  • Meta Description (คำอธิบาย): เขียนสรุปเนื้อหาน่าสนใจเพื่อกระตุ้นให้คนคลิก โดยมีความยาวเหมาะสม (ประมาณ 120-156 ตัวอักษร)

Rank Math: ปลั๊กอินครบเครื่อง ที่อัดฟีเจอร์ระดับ Pro มาให้ใช้ฟรี

Rank Math เป็นปลั๊กอินน้องใหม่ที่มาแรงแซงโค้งด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันและอินเทอร์เฟซที่ทันสมัย (UI/UX) และให้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่างมาใช้ในเวอร์ชันฟรี

1. การให้คะแนน SEO (100-Point Scoring System)

  • Rank Math จะให้คะแนนบทความของคุณเป็นตัวเลข (เต็ม 100) เมื่อคุณแก้ไขตามคำแนะนำ คะแนนจะเพิ่มขึ้น ทำให้คุณรู้ชัดเจนว่าต้องทำอะไรอีกบ้าง
  • รองรับ Multiple Focus Keywords (แม้ในเวอร์ชันฟรี): คุณสามารถใส่คีย์เวิร์ดหลักได้หลายคำ ทำให้บทความเดียวมีโอกาสติดอันดับสำหรับหลายคำค้นหา (Yoast ฟรีทำไม่ได้)

2. ฟีเจอร์ขั้นสูงที่ช่วยให้งานง่ายขึ้น

  • Setup Wizard (วิซาร์ดการตั้งค่า): มีระบบแนะนำการตั้งค่าเว็บไซต์เบื้องต้นแบบ Step-by-step ที่ละเอียดมาก
  • Schema Markup (Structured Data): Rank Math ให้คุณเลือกประเภท Schema (เช่น บทความ, สูตรอาหาร, สินค้า, รีวิว) ได้ฟรีและหลากหลายกว่า ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสแสดงผลแบบพิเศษ (Rich Snippets) บน Google
  • 404 Monitor & Redirection: ตรวจจับลิงก์เสีย (404 Error) และช่วยคุณตั้งค่าการเปลี่ยนเส้นทาง (301 Redirect) ได้ในตัว โดยไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินเสริม

3. การเชื่อมต่อกับ Google Tools

  • Rank Math สามารถเชื่อมต่อกับ Google Search Console และ Google Analytics ได้โดยตรง ทำให้คุณติดตามประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดและอันดับการค้นหาได้จากใน WordPress Dashboard เลย

เลือกใช้ตัวไหนดี? ตารางเปรียบเทียบฉบับย่อ

คุณสมบัติYoast SEO (ฟรี)Rank Math (ฟรี)
จำนวนคีย์เวิร์ดหลัก1 คำ5 คำ
การให้คะแนน SEOสัญญาณไฟจราจร (สี)คะแนน 0-100 (ตัวเลข)
Schema Markupพื้นฐาน (Article, FAQ)ครบถ้วนกว่า (Article, Recipe, Product ฯลฯ)
404 Monitor & Redirectไม่มี (ต้องซื้อ Pro)มีให้ใช้ฟรี
ความง่ายในการใช้งานใช้งานง่ายมากสำหรับมือใหม่ทันสมัย มีฟีเจอร์เยอะ แต่มี Setup Wizard ช่วย
ราคา Proเริ่มต้นสูงกว่าเริ่มต้นต่ำกว่า และให้ฟีเจอร์เยอะกว่า

คำแนะนำ:

  • มือใหม่ที่เน้นการเขียนและ Readability: Yoast SEO เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเน้นการทำความเข้าใจพื้นฐานและการเขียนที่น่าอ่าน
  • ผู้ใช้งานระดับกลางที่ต้องการฟีเจอร์ครบเครื่อง: Rank Math คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน เพราะรวมเอาฟีเจอร์สำคัญหลายอย่างที่เคยต้องซื้อใน Yoast Pro มาให้ใช้ฟรี ทำให้คุณไม่ต้องติดตั้งปลั๊กอินหลายตัวให้เว็บหนัก

ไม่ว่าคุณจะเลือกปลั๊กอินใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำตามคำแนะนำของมันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกองค์ประกอบของบทความของคุณพร้อมสำหรับตำแหน่งที่ดีที่สุดบนหน้าผลการค้นหาของ Google!

Scroll to Top