ในยุคดิจิทัล ปัจจุบันโรงเรียนทุกแห่งควรมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับนักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากร WordPress คือเครื่องมือ (CMS) ที่ยอดนิยมและใช้งานง่ายที่สุดในการสร้างเว็บไซต์ ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้
บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างเว็บไซต์โรงเรียนด้วย WordPress แบบง่ายๆ ค่ะ
1. สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่ม
ก่อนจะติดตั้ง WordPress คุณต้องมี 2 สิ่งนี้ก่อน:
- ชื่อโดเมน (Domain Name): นี่คือชื่อที่อยู่เว็บไซต์ของคุณ (เช่น
www.schoolname.ac.thหรือ.com) ควรเลือกชื่อที่จดจำง่ายและเกี่ยวข้องกับชื่อโรงเรียน - เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting): นี่คือพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์และข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์คุณ ผู้ให้บริการโฮสติ้งส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักมีแพ็คเกจสำหรับ WordPress โดยเฉพาะ และมีเครื่องมือติดตั้ง WordPress อัตโนมัติ (1-Click Install) ให้ใช้งาน
2. ติดตั้ง WordPress
หลังจากที่คุณซื้อโดเมนและโฮสติ้งแล้ว ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดคือการใช้ระบบ “1-Click Install” ที่ผู้ให้บริการโฮสติ้งส่วนใหญ่มีให้ (เช่น ในระบบ cPanel หรือ DirectAdmin) เพียงแค่ล็อกอินเข้าสู่ระบบจัดการโฮสติ้งของคุณ มองหาไอคอน WordPress และทำตามขั้นตอนเพียงไม่กี่คลิก คุณก็จะมีเว็บไซต์ WordPress ที่พร้อมใช้งาน
3. เลือก “ธีม” (Theme) ที่เหมาะสม
ธีม คือหน้าตาและการออกแบบโดยรวมของเว็บไซต์ WordPress มีธีมฟรีและพรีเมียม (เสียเงิน) ให้เลือกหลายพันแบบ
- วิธีเลือกธีม:
- ไปที่หน้า Dashboard (แผงควบคุม) ของ WordPress
- เลือก Appearance (ลักษณะที่ปรากฏ) > Themes (ธีม) > Add New (เพิ่มใหม่)
- ในช่องค้นหา ลองพิมพ์คำว่า “School”, “Education” หรือ “University”
- คุณจะพบธีมที่ออกแบบมาสำหรับสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะ
- ข้อแนะนำ: เลือกธีมที่ Responsive (รองรับการแสดงผลบนมือถือ) และดูสะอาดตา ใช้งานง่าย
4. ติดตั้ง “ปลั๊กอิน” (Plugins) ที่จำเป็น
ปลั๊กอิน คือโปรแกรมเสริมที่ช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับเว็บไซต์ของคุณ สำหรับเว็บไซต์โรงเรียน นี่คือปลั๊กอินพื้นฐานที่แนะนำ:
- Page Builder (เครื่องมือสร้างหน้า):
- Elementor หรือ Spectra: นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ “ง่าย” ปลั๊กอินเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างหน้าเว็บด้วยการลากและวาง (Drag-and-Drop) โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
- Events Calendar (ปฏิทินกิจกรรม):
- The Events Calendar: สำหรับแสดงปฏิทินกิจกรรมของโรงเรียน เช่น วันหยุด, วันสอบ, กิจกรรมกีฬา
- Contact Form (แบบฟอร์มติดต่อ):
- WPForms หรือ Contact Form 7: เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้สนใจสามารถส่งข้อความติดต่อโรงเรียนได้ง่ายๆ
- SEO (การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือค้นหา):
- Yoast SEO หรือ Rank Math: ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาที่ดีบน Google
- Security (ความปลอดภัย):
- Wordfence Security: ช่วยป้องกันเว็บไซต์ของคุณจากการถูกโจมตี
5. สร้างหน้า (Pages) ที่สำคัญสำหรับโรงเรียน
เมื่อติดตั้งธีมและปลั๊กอินแล้ว ก็ถึงเวลาสร้างเนื้อหา โดยเว็บไซต์โรงเรียนควรมีหน้าหลักๆ ดังนี้:
- หน้าแรก (Home):
- เป็นหน้าต้อนรับ ควรมีรูปภาพสวยๆ ของโรงเรียน, ประกาศสำคัญ, และลิงก์ด่วนไปยังส่วนอื่นๆ
- เกี่ยวกับเรา (About Us):
- ประวัติโรงเรียน, วิสัยทัศน์, พันธกิจ, และข้อมูลผู้บริหาร
- หลักสูตร (Academics/Programs):
- ข้อมูลหลักสูตรที่เปิดสอนในระดับชั้นต่างๆ
- การรับสมัคร (Admissions):
- ข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าเรียน, ระเบียบการ, และเอกสารดาวน์โหลด
- บุคลากร (Faculty/Staff):
- รายชื่อและข้อมูลติดต่อของครูและเจ้าหน้าที่ (อาจแบ่งตามแผนก)
- ข่าวสารและกิจกรรม (News & Events):
- ใช้สำหรับอัปเดตข่าวประชาสัมพันธ์ และแสดงปฏิทินกิจกรรม
- ติดต่อเรา (Contact Us):
- ที่อยู่, แผนที่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล และแบบฟอร์มติดต่อ
6. เพิ่มเนื้อหาและบำรุงรักษา
เมื่อสร้างโครงสร้างหน้าเว็บเสร็จแล้ว:
- เพิ่มเนื้อหา: ใส่ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอลงในแต่ละหน้า พยายามทำให้เนื้อหาชัดเจนและเป็นปัจจุบัน
- ตั้งค่าเมนู: ไปที่ Appearance > Menus (เมนู) เพื่อจัดลำดับหน้าต่างๆ ของคุณให้แสดงผลเป็นเมนูหลักที่ด้านบนของเว็บไซต์
- อัปเดตสม่ำเสมอ: สิ่งสำคัญที่สุดคือการอัปเดตข้อมูลข่าวสารให้เป็นปัจจุบัน และคอยอัปเดต WordPress, ธีม และปลั๊กอินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอเพื่อความปลอดภัย
การสร้างเว็บไซต์โรงเรียนด้วย WordPress นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่เริ่มต้นจากธีมที่ดีและใช้ปลั๊กอิน Page Builder ช่วย คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานได้จริงเพื่อเป็นช่องทางสื่อสารหลักของโรงเรียนได้แล้วค่ะ



